อยากทำ mobile application จะเริ่มต้นอย่างไร?

ในช่วงที่เทคโนโลยีหรือ start up กำลังมาแรง หนึ่งในกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเหล่านี้ คือ กลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้ที่มีไอเดียที่พร้อมจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับผู้ที่มีไอเดียบางคนไม่มีความรู้ด้านซอฟต์แวร์จึงต้องอาศัยผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มาช่วยในการพัฒนา ดังนั้นการที่จะเดินเข้าไปคุยเรื่องการสร้างซอฟต์แวร์ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านซอฟต์แวร์เลยก็อาจจะคุยกันลำบาก ดังนั้น บทความนี้ผมอยากจะแชร์ข้อมูลเบื้องต้นในการแนะนำในการเริ่มต้นเตรียมความพร้อมที่จะทำ mobile application

  1. เตรียมข้อมูลความต้องการแอปที่จะทำโดยเขียนเป็นข้อๆ หรือหากมีภาพของแอปแต่ล่ะหน้า (design app) ก็จะยิ่งดี โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจ้างฝ่ายดีไซน์โดยตรงเพราะจะได้รูปภาพต่างๆที่ใช้ทำแอปด้วย ค่าใช้จ่ายในการจ้างดีไซน์ก็ประมาณหลักพันถึงหมื่นครับ ซึ่งการทำดีไซน์จะทำให้การจ้างงานมีปัญหาน้อยลง หากไม่มีดีไซน์ทางผู้พัฒนาทำมาอาจจะไม่ตรงกับความต้องการ ทำให้เกิดการแก้งานไปมา ซึ่งไม่ดีกับทั้งสองฝ่ายแน่ๆครับ หรือหากยังไม่ทำดีไซน์มีแต่ข้อมูลก็สามารถเอาข้อมูลนั้นไปคุยให้ทางผู้พัฒนาเป็นผู้จัดทำดีไซน์ให้พร้อมด้วยเลยก็ได้ครับ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ครับ
ตัวอย่างดีไซน์ ที่มา: https://www.designcrowd.com/design/18351191

2. หลังจากมีข้อมูลของแอปแล้ว ขั้นต่อไปเราก็หาผู้ที่จะมาพัฒนาแอปให้เราครับ ผู้พัฒนาจะมีสองแบบครับ แบบบริษัทกับฟรีแลนซ์ครับ ซึ่ง 2 แบบนี้แตกต่างกันยังไง เรามาดูกันครับ

ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นหนึ่งแอปหรือเราจะเรียกว่าหนึ่งระบบ จะประกอบด้วยหลายฝ่ายด้วยกันโดยทั่วไปจะมีดังนี้

  • Project Manager จะมีหน้าที่ดูแล แบ่งงาน ควบคุมให้งานสามารถดำเนินไปจนเสร็จเรียบร้อยทันกำหนดเวลา
  • Graphic Designer มีหน้าที่สร้างรูปภาพกราฟฟิค ออกแบบ UI ต่างๆ
  • Web Developer มีหน้าที่สร้างเว็บหรือระบบหลังบ้าน api ที่ใช้เชื่อมต่อกับแอป
  • Android Developer สร้างแอป android
  • IOS Developer สร้างแอป ios

โดยทั่วไประบบงานบริษัทก็จะมีประมาณนี้ครับ จะเห็นได้ว่าที่ราคาสูงเพราะเอาค่าใช้จ่ายมาบริหารบุคคลส่วนนี้ เพราะต้องจ้างหลายฝ่ายในการทำงาน

ส่วนฟรีแลนซ์ก็จะมีที่รับงานเองคนเดียวได้ทั้งหมด อันนี้แน่นอนว่าราคาถูกแบบสุดๆแน่นอนครับ แต่ระยะเวลาก็อาจจะช้า เพราะทำคนเดียวเองทั้งหมด กับฟรีแลนซ์ที่รับเป็นบางส่วนและหาทีมงานมาช่วยกันทำ ซึ่งก็จะราคาแบบกลางๆครับ

แบบบริษัท จะมีราคาค่อนข้างสูง เพราะแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายเยอะเพราะมีพนักงานหลายคน แต่สิ่งที่ได้มาก็คือ การพัฒนาที่ค่อนข้างเร็ว มีความแน่นอน และบริการหลังการขายเพราะว่ามีบริษัทแน่นอน และมีพนักงานผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเรื่อยๆ

แบบฟรีแลนซ์ ราคาจะค่อนข้างต่ำ และระยะเวลาในการทำอาจจะนานกว่าบริษัท แต่ถ้าฟรีแลนซ์มีทีมก็อาจจะเวลาใกล้เคียงกันได้ บริการหลังการขายอันนี้ก็ต้องดูกันดีๆครับ เพราะว่าฟรีแลนซ์มีที่อยู่หลักแหล่งไม่แน่นอน บางคนเลิกทำไปก็มี ก็ต้องคัดเลือกกันดีๆนะครับ

3. ในส่วนของเรื่องราคาในการทำ mobile application ส่วนนี้จะไม่แน่นอน บอกราคาตายตัวไม่ได้ครับ เพราะขึ้นกับหลายอย่าง เช่น

  • แอปมีระบบหลังบ้านหรือเว็บดูแลระบบหรือไม่ รวมถึงทำ api ที่ใช้เชื่อมต่อกับแอปด้วย
  • แอปมีการจัดทำดีไซน์ไว้ให้หรือยัง(รวมถึงรูปภาพกราฟฟิคต่างๆที่ใช้ในการทำแอปทั้งหมด) โปรแกรมที่ใช้ทำ เช่น sketch,figma,xd,อื่นๆ
  • แอปต้องอัพโหลดขึ้นสโตร์หรือไม่ มีบัญชีของสโตร์เตรียมไว้ให้หรือป่าว(ค่าเปิดบัญชี android ประมาณ 1,000 บาท จ่ายครั้งเดียว / ios ประมาณ 3,500 บาทต่อปี)
  • มีโฮสหรือโดเมนเนมให้หรือไม่ หรือต้องการเช่าเดือนล่ะเท่าไหร่
  • ค่าทำแอป android/ios ถ้าเป็น native จะแยกคิดเป็นระบบล่ะ แต่ถ้า cross platform ก็อาจจะคิดรวมราคาเดียวครับ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องนำมาคิดด้วยครับ ซึ่งรวมๆแล้ว ถ้าเป็นโปรเจคใหญ่ราคาหลักแสนถึงหลักล้านก็มีครับ ส่วนโปรเจ็คเล็กหลักหมื่นถึงแสนครับ อยู่ที่สโคปงานครับ ที่เหลือก็คือตามหาช้างเผือกครับ ขอให้โชคดีครับผม.

5