แชร์ประสบการณ์โรคเครียด(ใช้สายตามากเกินไป)

โลกในยุคปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้นการใช้เทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตไปแล้ว

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเป็นเวลานานๆ เนื่องด้วยในอาชีพโปรแกรมเมอร์ที่ต้องนั่งเขียนโปรแกรม เรียกได้ว่าวันหนึ่งรวมทั้งสองอย่างแถบจะตลอดเวลา ยกเว้นช่วงเวลาขับรถกับออกกำลังกายและตอนนอนที่จะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนสายตา

เหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นมีอยู่ว่า ในวันหนึ่งขณะที่ผมขับขี่รถเริ่มรู้สึกว่าตาลายมองภาพไม่ค่อยชัดเหมือนจะวูบ แต่ก็ยังขับรถต่อไปได้ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ใช้ชีวิตไปตามปกติ จนสะสมมานานหลายวัน จนถึงวันที่ร่างกายส่งสัญญาณบอกว่าไม่ไหว ซึ่งอาการจะมีตาลาย ปวดตา ตึงบริเวณขมับ หายใจไม่สะดวก ตัวผมเองจึงคิดไปต่างๆนาๆว่าโรคหัวใจหรือป่าวหรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งขณะนั้นผมกำลังอยู่ในบ้าน คิดไปว่าถ้าผมหมดสติไปตอนนี้ คงจะอันตรายแน่ๆ จึงตัดสินใจกดโทรศัพท์มือถือโทรเรียก 1669 มารับ

หลังจากขึ้นรถโรงบาล พยาบาลก็เริ่มสอบถามอาการและประวัติต่างๆ ผมก็ตอบไปตามความเป็นจริง จากนั้นพยาบาลจึงตรวจความดันซึ่งความดันขณะนั้นอยู่ที่ 160 กว่า ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร ซึ่งผมได้ชี้แจงว่าเมื่อเช้าดื่มกาแฟดำอเมริกาโน่มา 1 แก้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นที่กาแฟหรือไม่ ผมเองก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับกาแฟเพียงแก้วเดียว ซึ่งพยาบาลก็บอกว่าอาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย

หลังจากนั้นเมื่อถึงโรงพยาบาล ผมจึงได้นอนรอดูอาการอยู่ที่ห้องฉุกเฉินโดยคุณหมอก็ได้มาสอบถามอาการและซักประวัติ จากนั้นจึงได้เจาะเลือด ตรวจคลื่นหัวใจและเอ็กซเรย์ปอด ซึ่งส่วนที่ตรวจสอบนี่ก็น่าจะเป็นโรคที่คิดว่าน่าจะเป็นต่างๆ ซึ่งหลังจากส่งตรวจครบทุกขั้นตอนผมก็ได้นอนพักรอฟังผล ซึ่งอาการระหว่างนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ก็เริ่มดีขึ้นบ้าง จากนั้นเมื่อหมอได้รับผลตรวจจึงได้เข้ามาแจ้งกับผมว่าปกติหมดทุกอย่าง ขาดแค่เกลือแร่บางตัว จึงให้ผมดื่มเกลือแร่แก้วหนึ่งเล็กๆประมาณแก้วเป็ก และให้ผมนอนพักและกลับได้ ซึ่งขณะนั้นอาการผมก็ดีขึ้นสามารถเดินเองได้ แต่เวียนๆอยู่บ้าง

หลังจากเดินทางกลับผมจึงได้ลดการทำงานและการใช้มือถือและพยายามนอนพักให้เร็วขึ้นเพื่อหวังว่าอาการจะดีขึ้น

เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการที่ดีขึ้น แต่ก็ยงรู้สึกตาลายมองยังไม่ชัดอยู่ จึงได้ตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งที่ศูนย์แพทย์แถวบ้าน จากการตรวจคราวนี้ผมได้เล่าเรื่องราวของวันก่อนหน้าให้คุณหมอฟัง และอาการ ณ ปัจจุบัน หมอจึงวินิจฉัยว่าผมน่าจะเป็นโรคเครียด เครียดจากเรื่องงาน เรื่องอื่นๆ มันเป็นอาการสะสม ซึ่งเราอาจจะไม่รู้ตัว โดยสมองจะหลั่งสารเคมีอะไรซักอย่างทำให้เราเกิดอาการผิดปกติ ซึ่งจากที่ผมค้นหาในเน็ตเข้าใจว่าคุณหมอน่าจะเข้าใจว่าผมเป็นโรคเครียดตามข้อมูลในนี้

https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=1046

คุณหมอจึงได้สั่งจ่ายยาให้ผมมา 1 ชุด

  • ยาคลายเครียด
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยาลดอักเสบแก้ปวด

ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าผมคงต้องเป็นโรคเครียด ค่อนข้างแน่นอนเพราะฟังจากที่คุณหมอพร้อมกับการสังเกตอาการในร่างกายแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคนี้ หลังจากนั้นผมก็พยายามพักสายตาให้มากที่สุด ส่วนยาผมก็ได้ทำการค้นหาข้อมูลทำให้ทราบว่า ยาคลายเครียด นั้นค่อยข้างจะมีผลในระยะยาว ข้อมูลยา

https://www.honestdocs.co/amitriptyline

ผมจึงตัดสินใจขอนอนพักดูอาการอีกวันสองวันและกินแค่ยาสองตัว คือ ยาคลายกล้ามเนื้อและยาลดอักเสบแก้ปวด นอนหลับผ่านไปหนึ่งคืน และวันนี้ วันที่ผมเขียนบทความนี้ เป็นวันที่สามหลังจากผมไปโรงบาลครั้งแรก ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ยังมีตึงๆบริเวณขมับ ตาลายบ้าง ปวดตาเล็กน้อย เป็นบางครั้งบางคราว คิดว่าคงจะขอนอนพักดูอีกซักสองวัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจจะลองกินยาลดความเครียดดู แต่ถ้าดีขึ้นมากก็คงจะไม่กินยาคลายเครียด และปรับไลฟ์สไตล์ใหม่ โดยแบ่งเวลาการใช้สายตา ให้สายตาได้พักเพิ่มให้มากขึ้น

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้จึงอยากแชร์ประสบการณ์อาการให้ทุกท่านได้ทราบ เพราะหากวินิจฉัยโรคผิดอาจทำให้เราเป็นโรคนั้นได้เลย เช่น ความดันถ้ากินยาความดันแล้วต้องได้กินตลอดชีวิต เป็นต้น

2